You can read this information.




“อปพส.”แทงประเด็น พรบ.สงฆ์ ฉบับ พ.ศ.2505 เป็นพิษเสนอต่อนายกรัฐมนตรี
นายประพันธ์ กิตติฤดีกุล เลขาธิการ องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในหลากหลายประเด็น โดยมีประเด็นสำคัญ โดยขอให้มีมาตรการและการสร้างกลไกในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทำลายพระพุทธศาสนาในวงกว้าง ซึ่งมีทั้งหมด 9 ข้อ ได้แก่ 1. ขอให้ ผู้อำนวยการ (ผอ.)สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พส.)กำหนดหรือ มีนโยบาย บัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็น “ วาระแห่งชาติ ” เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นเสาหลักสถาบันหนึ่งในสามของชาติไปสู่ความมั่นคงถาวร มิให้เกิดการเซาะกร่อนบ่อนทำลายทุกรูปแบบ เฉกเช่น ประเทศรัฐอิสลาม ที่บัญญัติให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ เช่น มาเลเซียอินโดนิเซีย และ ประเทศในตะวันออกกลาง อีกหลากหลายชาติ 2. ขอให้ ผอ.พส. ผลักดันประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคประชาชนชาวไทยที่นับถือพุทธศาสนา ลง หรือ แสดงประชามติ ผ่านกระบวนการทางนิติบัญญัติ ตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อนำเสนอต่อรัฐสภาอย่างเป็นรูปธรรมเนื่องในวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ 3. ขอให้ ผอ.พส.ผลักดัน แก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505มาตรา 29 ให้สอดรับ ไม่ขัด หรือแย้ง ต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญไทย พ.ศ.2560และประมวลกฎหมายอาญา โดยยึดหรือใช้แนวทางร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ... เสนอโดย นายนิยม เวชกามา(อดีต)สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรกับคณะเป็น แนวทางปฏิบัติ โดยประสานทุกฝ่ายทั้งภาคการเมือง ภาคประชาชน ตามกระบวนการนิติบัญญัติในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 4. ขอให้ ผอ.พส.ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง รวมทั้งมหาเถรสมาคมกระทรวงวัฒนธรรม กรมการศาสนา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันให้มหาวิทยาลัยสงฆ์ ทั้ง 2 แห่ง รวมทั้งวิทยาเขตทั่วประเทศ เปิดสอนหลักสูตรพุทธศาสนา สาขา พระวินัยปิฏกและสาขาพระอภิธรรมปิฏก ระดับปริญญาตรี ประกาศนียบัตรบัณฑิต ป.โท และ ป.เอกเพื่อสร้างบุคลากร รักษา สืบสาน ต่อยอด พระพุทธศาสนาอย่างครบถ้วนทั้ง 3 (ปิฏก) ทั้งนี้ ประการสำคัญ เพื่อเป็นกำลังหลัก รองรับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ.2568 ที่จำเป็นต้องมีพระวินัยธรกลาง และพระธรรมธรกลางที่มีองค์ความรู้แตกฉานสูงสุด 5. ขอให้ ผอ.พส.ผลักดันส่งเสริมกิจการด้านวิชาการ และประเพณีทางพระพุทธศาสนาหรือเกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำให้ใช้พื้นที่ พุทธมณฑลทั่วประเทศให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เพื่อสนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ข้อ 4.3 สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม 6.ขอให้ ผอ.พส. ผลักดันให้มีจำนวนศาสนทายาทเพิ่มมากขึ้นทั้งประเทศผ่านพระราชบัญญัติ การศึกษาปริยัติธรรม พ.ศ.2562 เพื่อให้ประชาชนและพุทธศาสนิกชน นำหลักธรรมไปปฏิบัติ ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างเสริมสังคม สันติสุข และเพื่อลดจำนวนวัดร้างที่นับวันเพิ่มขึ้นทุกขณะ 7. ขอให้ ผอ.พส. ผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในมาตรา 96 โดยยกเลิก (1) ออกจากบทบัญญัติในมาตรา ดังกล่าว เพื่อยังสิทธิขั้นพื้นฐานปวงชนชาวไทยกลับคืนให้แก่ ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช อันถือเป็นเนื่อนาบุญผู้สืบทอดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณของพุทธศาสนิกชนชาวไทยควบคู่แผ่นดินไทยตั้งแต่อดีต นับแต่มีสยามประเทศ (อ้างถึง 6 รัฐธรรมนูญไทย มาตรา 96 (1) 8. ขอให้ ผอ.พส.เสนอและผลักดันให้ยกเลิก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 หมวด 8 บทเบ็ดเตร็ด มาตรา 45 บัญญัติว่า “ให้ถือว่าพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์ และไวยาวัจกร เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญา เพื่อให้สอดคล้องสมเจตนารมณ์ ของคณะสงฆ์ไทย ตามมติที่ 428/2546 มติเถรสมาคม ครั้งที่ 23/2546 รวมทั้งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคุ้มครองพระพุทธศาสนา 2568 9.”อปพส.” และ พุทธศาสนิกชน ซึ่งมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 ทั้งพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนาพุทธ พระมหากษัตริย์ ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ ใคร่ขอความร่วมมือ ผอ.พส. ทั้งในฐานะประชาชนและเลขามหาเถรสมาคม ได้โปรดผลักดันให้เพิ่มบุคลากรด้านกฎหมาย ฝ่ายนิติกร ประจำสำนักพุทธฯ ที่มีประสบการณ์ว่าความคดี ประเภทที่ 1 ทั่วราชอาณาจักรไม่น้อยกว่า 5 ปี และนับถือศาสนาพุทธ เท่านั้น หากเป็นไปได้ สมควรยกฐานะองค์กรฯ ให้เป็น ทบวงด้วยความเหมาะสมในบริบทของขอบข่าย อำนาจหน้าที่ บนพื้นที่ความรับผิดชอบต่อ ประชาชน โดยปัจจุบันพบว่า ประชาชนชาวไทยเป็น “พุทธมามะกะ” เท่าร้อยละ 93% ของประชาชนทั้งหมดเกือบ 70 ล้านคน อีกทั้ง หากมีนิติกรประจำอย่างเพียงพอ ประกอบความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ที่มากพอ สามารถให้คำปรึกษาแนะนำ แก่ พระภิกษุ สามเณร เจ้าอาวาส พระฝ่ายปกครองทั้งแผ่นดิน หรือกรณี วัดต่างๆ ถูกอัคคีภัย , หรือพระถูกกล่าวหา เพื่อช่วยวัดดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีแทนเจ้าอาวาสวัด ซึ่งกำลังประสบปัญหาที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ทั้งในกรณีทางวัดร้องขอ หรือ ทาง พส.รับทราบด้วยตนเอง หรือประชาชนร้องขอ อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจสำมะโนประชากรปี 2020 ประชากรมาเลเซียร้อยละ 63.5% นับถือศาสนาอิสลาม โดยมีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติของมาเลเซีย และมีผู้นับถือศาสนาพุทธ 18.7% ศาสนาคริสต์ 9.1% ศาสนาฮินดู 6.1% และศาสนาอื่นๆ ขณะที่ประเทศไทยมีผู้นับถือศาสนาพุทธ คิดเป็น 94.6% รองลงมาคือ ศาสนา/ลัทธิอิสลาม 4.2% ศาสนาคริสต์ประมาณ 1.1% อื่นๆ และไม่มีศาสนา 0.1% โดยประมาณของประชากรทั้งประเทศ “ด้วยข้อมูลดังกล่าวเหตุใดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับจึงไม่ได้บัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แม้แต่หรือโดยเฉพาะรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 แม้มีการเรียกร้องจากชาวไทยพุทธอันเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ทุกครั้งที่มีการแก้ไขและปรับปรุงรัฐธรรมนูญปกครองประเทศก็พบว่า มีการใช้วจีทุจริตคือ เลือดจะนองท้องช้าง ทั้งที่ประเทศไทย มีคนนับถือศาสนาพุทธ ประมาณถึง 94.6% แต่ไม่สามารถประกาศให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติได้” นายประพันธ์กล่าว ################
GOVERNMENT
11/21/20251 นาทีอ่าน


My post content
"นายประพันธ์ กิตติฤดีกุล" เลขาธิการ องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) ให้กำลังใจ "นายอนุทิน ชาญวีรกุล" นายกรัฐมนตรี โดยนำแจกันดอกไม้ไปมอบให้ตัวแทนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2568
พร้อมติดตามเรื่องราวการร้องเรียนในวันดังกล่าว

