You can read this information.
"เจ้าคุณเหลา" พร้อมคณะพระธรรมฑูต นำ "อปพส."พร้อมภาคีเครือข่าย ภาคประชาชนยื่นหนังสือที่รัฐสภา


“ท่านเจ้าคุณเหลา-ผอ.ดี อปพส.” นำพุทธบริษัท 4ยืนหยัดรักษาพุทธศาสนา ยื่นหนังสือรัฐสภา ตรวจสอบพรรคประชาชน
สกู๊ป ##การรุกล้ำทำลายพระพุทธศาสนาอย่างมีอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความเจริญของเทคโนโลยี แต่ก็พบว่ามีความพยายามทำลายพระพุทธศาสนาทุกรูปแบบ หนึ่งในรูปแบบที่ถูกนำมาใช้ในการทำลายพระพุทธศาสนา คือ การนำข้อมูลอันเป็นเท็จและไม่เคารพในพระพุทธศาสนาเข้าไปอภิปรายในสภา เรื่องดังกล่าว ทำให้ “คณะพระธรรมทูตไทย” ใน 7 องค์กร ใน 4 ทวีป พร้อมด้วย “องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ” (อปพส.) ร่วมกันยื่นหนังสือร้องเรียนให้ดำเนินการกับพฤติกรรมของ สส.พรรคประชาชน ที่แสดงออกถึงความก้าวร้าวต่อพระพุทธศาสนาในสภาอันทรงเกียรติ โดยยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา @ 7 องค์กรคณะสงฆ์ไทยเดินหน้า จี้พรรคส้มและสภารับผิดชอบ “พระราชวิเทศปัญญาคุณ” (เหลา ปญฺญาสิริ ป.ธ.4) หรือ “ท่านเจ้าคุณเหลา” ซึ่งปัจจุบันท่านสวมหมวกเป็นประธานองค์กรพระธรรมฑูตไทย ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ และในฐานะประธานองค์การพระธรรมฑูตโลก (World Buddhist Dhamma Dutu Organization : WBDO) รวมทั้งในฐานะเจ้าอาวาสวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรือ สหราชอาณาจักรฯ ได้นำทัพองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศมาร่วมทำหน้าที่ในครั้งนี้ ได้แก่ สมาคมสื่อมวลชนพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยแห่งชาติ (สพวช.), สถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพุทธมณฑล (วพช.) และ องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) การยื่นหนังสือครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ไทย ที่พุทธบริษัททั้ง 4 ได้รวมตัวกันทำหน้าที่ยื่นหนังสือให้พรรคประชาชน และ รัฐสภา รับผิดชอบกรณีดังต่อไปนี้ โดยอ้างอิงเหตุการณ์การอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมาว่า มี สส.พรรคประชาชน จำนวน 3 คน ได้อภิปรายงบประมาณในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และพบว่ามีการนำเสนอข้อมูลเท็จต่อสภา และ ใช้วาทกรรมที่ไม่เคารพในพระพุทธศาสนา เช่น นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน อภิปรายข้อความตอนหนึ่งว่า พระเป็นหัวคะแนน งบนี้ยังเอาไปทำอะไรเลอะเทอะ เยอะแยะมากมาย ซึ่งการนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้จ่ายเป็นเงินเดือนของพระสงฆ์ ทั้งที่ในประเทศนี้มีคนไม่นับถือศาสนาและมีคนนับถือศาสนาอื่น ถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ พระพุทธเจ้าก็บอกแล้วว่า ให้ละทางโลก แสวงหาทางดับทุกข์ แต่รัฐกลับจ่ายเงินเดือน ส่งเสริมให้พระมีเงินเดือน สะสมความมั่งคั่ง ถ้าพระพุทธเจ้ารู้ก็คงตกใจที่มีการแปรเปลี่ยนบิดเบือนไปขนาดนี้ จึงขอเสนอให้ตัดลดออกไปให้หมด เพราะชาวบ้านทำบุญตักบาตรอยู่แล้ว ไปไหนมาไหนพระไม่ต้องเสียเงิน เอาเงินไปให้พระทำไม รวมทั้ง สส.คนดังกล่าวยังมีการพูดก้าวล่วงประเด็นสมณศักดิ์ว่า ควรถอดยศช้างขุนนางพระ วิเคราะห์คือการเอาเรื่องอุปโลกน์ไปยัดเยียดให้สงฆ์ ตั้งสมณศักดิ์ เพราะพระกลายเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจทางธรรมผ่านกลไกมหาสมาคม ไม่ใช่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา มีการวิ่งเต้นขอตำแหน่งกันเยอะแยะ มัวหมองชั่วร้าย ฯลฯ การซื้อขายตำแหน่ง ขอเสนอให้แยกรัฐออกจากศาสนา ขณะที่นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน เรียกพระในการอภิปรายในสภาว่า มัน และ กล่าวหาว่าเป็น หัวคะแนน รวมทั้งวิจารณ์การใช้งบประมาณให้พระสงฆ์เดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดียและเนปาลว่า ใช้งบประมาณมาก เพื่อไปกราบอะไรก็ไม่รู้ นอกจากนี้ ยังมีถ้อยคำที่แสดงออกถึงความอคติอย่างร้ายแรงในพระพุทธศาสนาปรากฎในการอภิปรายของ สส.พรรคประชาชนว่า เลอะเทอะ มัวหมอง ชั่วร้ายรวมทั้งยังมีข้อสังเกตว่าการอภิปรายของพรรคประชาชนเน้นเป้าหมายเพื่อแยกพระพุทธศาสนาออกจากรัฐไทย @มส.รับรองให้ยื่นหนังสือ เรียกร้องพรรคส้มและสภาอย่าเพิกเฉยสำหรับเหตุผลหลักที่ “คณะพระธรรมทูต” 7 องค์กร 4 ทวีป พร้อมด้วยภาคประชาชนได้ทำหน้าที่ครั้งนี้เน้นประเด็นหลักดังนี้ว่า ในฐานะที่คณะสงฆ์ทั้ง 7 องค์กร ได้รับการรับรองโดย “มหาเถรสมาคม” จึงมีข้อสรุปว่า การอภิปรายของ สส.พรรคประชาชน มีการใช้เวทีรัฐสภาเป็นสถานที่จาบจ้วงโจมตีพระพุทธศาสนาและพุ่งเป้าโจมตีคณะสงฆ์ไทยอย่างผิดๆ ไม่ถูกต้องชอบธรรม ย่อมนำมาซึ่งความแตกร้าวในประเทศชาติ และ ศาสนาให้ทรุดโทรมเศร้าหมอง อันเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใน 3 ข้อหลัก คือ ด้วยรัฐสภาเป็นเวทีของการบริหารประเทศ การอภิปรายเกี่ยวกับพระสงฆ์ของ สส.พรรคประชาชน จึงควรระมัดระวังและควบคุมกริยาวาจาให้เหมาะสม, การอภิปรายของ สส.ไม่ใช่ฐานะส่วนตัว เพราะ สส.สังกัดพรรคการเมือง ความคิดเห็นของ สส. เท่ากับเป็นผลงานของพรรคซึ่งจะส่งผลต่อความนิยมของประชาชนที่พรรคควรพิจารณา และ ประธานสภา หรือ ผู้ควบคุมการอภิปรายควรดูแลไม่ให้มีการอภิปรายถึงบุคคลที่ 3 โดยใช้วิธีกล่าวร้ายป้ายสีอย่างไม่เป็นธรรม จึงขอให้ประธานสภาตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว และ ให้พรรคประชาชนแสดงความรับผิดชอบในการกล่าวล่วงต่อพระพุทธศาสนา อันเป็นหนึ่งในสถาบันหลักของชาติไทย ซึ่งการกระทำของ สส.พรรคประชาชน ได้ก้าวล่วงต่อคุณของพระรัตนตรัย และ ทำลายศีลธรรมอันดีงามของประชาชนคนไทย อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งการอภิปรายของ สส.พรรคส้ม 3 คนดังกล่าว ไม่ใช่กรอบของการอภิปรายงบประมาณ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เข้าข่ายทำลายศีลธรรมอันดีงามของประชาชนชาวไทย ขณะที่ “นายไชยา พรหมา” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่งได้รับหนังสือของพระราชวิเทศปัญญาคุณ วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ประธานองค์กรพระธรรมทูตไทยใน สหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ผู้ประสานงานองค์กรพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศ 7 องค์กร ใน 4 ทวีป ได้แก่ สมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา, สหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป, องค์กรพระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์, สหภาพพระธรรมทูตไทยในโอเชียเนีย (ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์), สมัชชาสงฆ์ไทยในสิงคโปร์, องค์การพระธรรมทูตโลก (WBDO) และคณะพระธรรมทูตไทยในอินเดียและเนปาล ซึ่งเป็นองค์กรพระพุทธศาสนาที่ได้รับการรับรองจากมหาเถรสมาคมของประเทศไทยมีสมาชิกเป็นพระธรรมทูตไทย ผ่านการอบรมจากมหาเถรสมาคมมีพันธกิจเกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์ไทยมาโดยตลอด ด้านนายไชยา กล่าวว่า ขณะที่ตนเป็นประธานในที่ประชุม ได้รับฟังการอภิปรายดังกล่าว และได้พยายามตักเตือนแล้ว โดยใช้ข้อบังคับการประชุมสภาฯที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า คำอธิบายใดที่เกี่ยวข้องและพาดพิงไปถึงสถาบันอันสำคัญของชาตินั้น เป็นสิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยงไม่อภิปราย เรื่องศาสนาก็เช่นกัน รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครองในสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา แม้ว่าจะไม่ได้ระบุว่าศาสนาใดเป็นศาสนาประจำชาติ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่คนส่วนใหญ่ของประเทศนับถือเกือบร้อยละ 95 “เพราะฉะนั้นการอภิปรายพาดพิงวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เป็นความเชื่อ สิ่งที่เป็นที่เคารพนับถือ เป็นสิ่งต้องห้ามอยู่แล้ว ในระหว่างการประชุมได้พยายามตักเตือนแต่ผู้อภิปรายมีสิทธิเสรีภาพในการอภิปราย” นายไชยากล่าว นายไชยากล่าวอีกว่า การมายื่นหนังสือเพื่อให้ตรวจสอบ ตักเตือนบุคคลดังกล่าวให้หลีกเลี่ยงและไม่ให้กระทำการอภิปรายดูหมิ่นเหยียดหยามในความเชื่อเป็นสิ่งที่ต้องห้าม เพราะโดยปกติแล้วแม้ไม่มีข้อบังคับการประชุม ในสังคมทั่วไปการพูดคุยเรื่องการเมืองและเรื่องศาสนา เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้อภิปรายจะต้องรับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สส. ในฐานะที่ตนได้รับมอบหมายจากประธานสภาฯ ให้มารับเรื่องร้องเรียน โดยยินดีจะพิจารณาข้อร้องเรียน และสภาฯ พร้อมทำหน้าที่ในการดูแลปกป้องทุกศาสนา @ “อปพส.” ยื่นหนังสือ กมธ.ศาสนาฯวุฒิสภา ตรวจสอบบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ท่ามกลางกระแสที่พระพุทธศาสนากำลังถูกสื่อสังคมโซเชียลโจมตีอย่างหนัก ทำลายกระแสศรัทธาของคนในสังคม ทำให้ “องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ” (อปพส.) เป็นแกนหลักนำหนังสือยื่นต่อคณะกรรมาธิการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภาพ เพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการทำลายสถาบันพระพุทธศาสนา อันเป็นสถาบันหลักของประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ “นายขวัญชัย แสนหิรัณย์” รองประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา รับหนังสือของนายประพันธ์ กิตติฤดีกุล เลขาธิการ อปพส. เรื่อง “ขอให้ตรวจสอบกระบวนการบ่อนทำลายสถาบันพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสถาบันหลักของประเทศ” และ "กรณีมีการอภิปรายในรัฐสภาว่าด้วยพระพุทธศาสนาของสมาชิกรัฐสภา” ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกรณีสมมุติสงฆ์วัดต่าง ๆ หลายรูปถูกกล่าวหาประพฤติผิดพระวินัยร้ายแรงขั้นปาราชิกกับสีกา และเกี่ยวโยงความผิดอาญา สร้างความหวั่นไหวต่อความศรัทธาของพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกัน “อปพส.” ยังระบุในหนังสือว่า พบเจ้าหน้าที่รัฐหลายคนที่กระทำความผิดล่วงเกินคณะสงฆ์และการกระทำเข้าข่ายเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่กระทำต่อพระสงฆ์ไทยแต่ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใด ๆ จึงขอให้คณะกรรมาธิการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความโปร่งใสอย่างเร่งด่วนต่อไปดังนั้น จึงเป็นที่จับตาอย่างยิ่งในกระแสแห่งความร้อนแรงที่ฝ่ายการเมืองนำประเด็นพระพุทธศาสนาไปอภิปรายในสภาโดยก้าวล่วงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งยังมีประเด็นร้อนที่พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐหลายคนกระทำผิดล่วงเกินคณะสงฆ์ และ ใช้อำนาจเกินหน้าที่ของความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งต้องจับตาต่อไปว่า หลายฝ่ายที่มีส่วนในความรับผิดชอบดังกล่าวจะแก้ปัญหาแต่ละปมอย่างไรที่มีตัวแปรบางอย่างขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายต้องการทำลายพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 เสาหลักของประเทศไทยเคียงคู่กับสถาบันชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์มาอย่างยาวนาน ###########
MONK
11/18/20251 min read

My post content